เทคนิคทายหัวก้อยพิชิตเกมบาคาร่า

เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่วิบัติของวงการพนันบาคาร่ามากที่สุดแล้ว หากมองด้วยตรรกะและเหตุผล แต่ใครเลยจะรู้การโยนเหรียญหัวก้อย อาจจะเป็นการตอบโจทย์ที่ดีที่สุดของวงการพนันทั้งหลายเลยก็เป็นไปได้ สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในเรื่องดวง และ ไสยศาสตร์ของวงการเดิมพัน ผลกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยการแค่เพียงโยนเหรียญหัวก้อยเท่านั้นเหรอ การนำเอาเทคนิคนี้มาประยุกต์เพื่อใช้งานสามารถทำได้จริง โดยที่หลายๆคนไม่อาจจะทราบได้เลยว่าเพราะเหตุใด เทคนิคนี้ถึงได้ถูกเลือกพัฒนาในด้านการพนัน บอกได้เลยว่าเทคนิคนี้แทบจะไม่ได้แตกต่างจากการมองเทคนิคมาร์ติงเกลแต่อย่างใด หลักการคิดคล้ายกันแต่ว่ามีความแตกต่างในการดำเนินการเพียงเล็กน้อยเนื่องจาก เทคนิคนี้จะเปรียบเทียบกับ การออกของเหรียญหัวหรือก้อยทันที อาจจะกำหนดว่าทางฝั่งหัวเป็น Banker และ ฝั่งก้อยเป็น Player โดยการเล่นนั้นจะทำความเข้าใจได้อย่างง่าย คือ เปรียบเทียบโยนเหรียญกับการพนันบาคาร่าและเลือกแทงตามฝั่งที่เปิดให้เดิมพันนั่นเอง

การใช้เทคนิคโยนเหรียญหัวก้อยเพื่อเดิมพัน

เทคนิคนี้เป็นเพียงการจำลองรูปแบบเกมบาคาร่าเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีการกำหนดในการโยนเหรียญออกไปว่าจะเป็นสีแดงหรือสีน้ำเงินตามที่ได้ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ ซึ่งถ้าหากมองตามหลักความเป็นจริงของโอกาสที่จะออกคือ 50-50 แต่ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ว่า เราโยนเหรียญ 100 ครั้งจะ ออกหัวทั้งหมด 50 ครั้ง และ ก้อย 50 ครั้งพอดี มันเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น แต่การโยนเหรียญจะมีผลของการคาดเดาในการเกิดขึ้นของมันอยู่ เพราะถ้าโยนหนึ่งครั้ง โอกาสที่จะออกหัว คือ 1 ใน 2 แต่ถ้าหากโยนครั้งที่ 2 โอกาสที่จะออกมาเป็นหัว ติดต่อกันอีกครั้งหนึ่ง คือ 1 ใน 4 และ การที่จะออกมาเป็น ครั้งที่ 3 ติดกัน จะมีโอกาสที่เกิดขึ้น คือ 1 ใน 8 โอกาสที่ จะออกติดต่อกันมากต่อไปเรื่อยๆ ค่าความเสี่ยงมันก็จะเยอะมาก เพราะถ้าจะหวังให้ออกแบบเดิมติดต่อกัน 5 ครั้ง โอกาสที่จะเกิดขึ้น คือ 1 ใน 32 หรือ 0.03125  เรียกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดการออกหัวติดต่อกันนั้นเป็นไปได้ยากมาก จึงทำให้รูปแบบการเดิมพันเทคนิคหัวก้อยนั้นใกล้เคียงกับ มาร์ติงเกล แต่ส่วนที่ต่างกันคือ เทคนิคนี้จะดูสถิติและรอเวลาในการเลือกเดิมพัน เรียกได้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดของการเดิมพันคือจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเลือกเดิมพัน เพราะ ถ้าหากหลายๆสิ่งหลายอย่างเป็นใจ อย่างไรก็ตามผู้ที่จะพิชิตยอดเงินบาคาร่าจากคาสิโนออนไลน์ได้ ย่อมดีมากที่สุด